www.littlebunnycute.com

Little Bunny Cute

ร้านขายกระต่ายหลากหลายสายพันธุ์

โรคตับบิดมีสาเหตุจากอะไร

โรคตับบิดมีสาเหตุจากอะไร

โรคตับบิดมีสาเหตุจากอะไร สังเกตอย่างไรและแนวทางการรักษาเป็นอย่างไรกันนะ

ที่โรงพยาบาลแอนิมลสเปซมักจะเจอเคสตับบิดในกระต่ายอายุเฉลี่ย 1 ปี เด็กที่สุดที่เป็นตับบิดอยู่ที่ 4 เดือน ส่วนใหญ่มักจะเจอในสายพันธุ์ Hooland lop เนื่องจากอาจจะด้วยความนิยมที่เลี้ยงกันหลายบ้านทำให้เจอพันธุ์นี้เยอะที่สุด

สาเหตุของโรคตับบิดอาจระบุได้อย่างไม่ชัดเจน แต่จากการศึกษาวิจัยและรวบรวมข้อมูลพบว่ามีสาเหตุหลักๆอยู่ 2 อย่างคืออาการท้องอืดและกระเพาะอาหารขยาย

1.อาการท้องอืด มักเจอบ่อยครั้งเนื่องจากการทานอาหารไม่เหมาะสม เช่น การให้ทานผักและผลไม้สดเป็นประจำ ให้อาหารเม็ดในปริมาณมาก หรือขนมที่น้องชอบบ่อยๆ จนทำให้เกิดนิสัยไม่กินหญ้าแห้งขึ้น ส่งผลให้มีอาการท้องอืดขึ้นมา นอกจากอาหารแล้วเรื่องความเครียดก็ส่งผลให้มีอาการท้องอืดได้เช่นกัน

2.กระเพาะอาหารขยาย มักเจอในกระต่ายที่ตะกละ ชอบกินอาหารเยอะมากๆในคราวเดียว กินแปปเดียวก็หมด เมื่อไม่อยากต้องเดินมาเติมหญ้าบ่อยๆ บางบ้านเลยอาจจะมีการวางหญ้าเป็นกองใหญ่เพื่อหวังให้น้องกินได้นานๆ แม้บางตัวจะกินเรื่อยๆ แต่บางตัวก็จะกินไม่หยุดพักจนทำให้กระเพาะขยายใหญ่ขึ้นมาจนเบียดอวัยวะภายในอื่นๆ โดยเฉพาะตับ ทำให้เกิดการบิดตัวกลายเป็นตับบิดนั่นเอง

Animal Space Exotic Pet Hospital โรงพยาบาลสัตว์แอนิมอลสเปซ รักษาสัตว์ Exotic สัตว์แปลก สัตว์หายาก

กระต่าย (Rabbit)

โรคตับบิดมีสาเหตุจากอะไร สังเกตอย่างไรและแนวทางการรักษาเป็นอย่างไรกันนะ

โรคตับบิดมีสาเหตุจากอะไร สังเกตอย่างไรและแนวทางการรักษาเป็นอย่างไรกันนะ

ที่โรงพยาบาลแอนิมลสเปซมักจะเจอเคสตับบิดในกระต่ายอายุเฉลี่ย 1 ปี เด็กที่สุดที่เป็นตับบิดอยู่ที่ 4 เดือน ส่วนใหญ่มักจะเจอในสายพันธุ์ Hooland lop เนื่องจากอาจจะด้วยความนิยมที่เลี้ยงกันหลายบ้านทำให้เจอพันธุ์นี้เยอะที่สุด

สาเหตุของโรคตับบิดอาจระบุได้อย่างไม่ชัดเจน แต่จากการศึกษาวิจัยและรวบรวมข้อมูลพบว่ามีสาเหตุหลักๆอยู่ 2 อย่างคืออาการท้องอืดและกระเพาะอาหารขยาย

1.อาการท้องอืด มักเจอบ่อยครั้งเนื่องจากการทานอาหารไม่เหมาะสม เช่น การให้ทานผักและผลไม้สดเป็นประจำ ให้อาหารเม็ดในปริมาณมาก หรือขนมที่น้องชอบบ่อยๆ จนทำให้เกิดนิสัยไม่กินหญ้าแห้งขึ้น ส่งผลให้มีอาการท้องอืดขึ้นมา นอกจากอาหารแล้วเรื่องความเครียดก็ส่งผลให้มีอาการท้องอืดได้เช่นกัน

2.กระเพาะอาหารขยาย มักเจอในกระต่ายที่ตะกละ ชอบกินอาหารเยอะมากๆในคราวเดียว กินแปปเดียวก็หมด เมื่อไม่อยากต้องเดินมาเติมหญ้าบ่อยๆ บางบ้านเลยอาจจะมีการวางหญ้าเป็นกองใหญ่เพื่อหวังให้น้องกินได้นานๆ แม้บางตัวจะกินเรื่อยๆ แต่บางตัวก็จะกินไม่หยุดพักจนทำให้กระเพาะขยายใหญ่ขึ้นมาจนเบียดอวัยวะภายในอื่นๆ โดยเฉพาะตับ ทำให้เกิดการบิดตัวกลายเป็นตับบิดนั่นเอง

วิธีการสังเกตอาการง่ายๆจากบ้าน

1.ดวงตา

ปกติ – กลมโตสดใส

ปานกลาง – เริ่มหรี่ตาลงแต่ยังสดใสอยู่

มาก – ตาหรี่มากๆ จนกลายเป็นเส้นขีด

2.แก้ม

ปกติ – ทรงกลม

ปานกลาง – ค่อยๆแหลมขึ้น

มาก – หน้าแหลมจนไม่เห็นแก้ม

3.จมูก

ปกติ -เป็นตัวยู

ปานกลาง – ค่อยๆหุบเข้ามา

มาก – กลายเป็นรูปตัววี

4.หนวด

ปกติ – หนวดตั้งตรง

ปานกลาง – มีบางส่วนที่หย่อน

มาก – หนวดหย่อนลง หงิก

5.หู

ปกติ – หูตั้งตรง

ปานกลาง – หูเริ่มเอียงไปด้านหลัง

มาก – หูลู่ไปด้านหลัง

ถ้ายังดูหน้าตาน้องไม่ค่อยออกเพราะอาจจะเก็บอาการ สามารถดูวิธีอื่นๆได้ คือ อึผิดปกติ ขนาดเล็ก ขนาดไม่เท่ากัน หรือไม่อึ มีนั่งกกไข่ กินหญ้าน้อยลงหรือให้ขนมที่ชอบก็ไม่กิน เริ่มซ่อนตัว บางตัวไม่ยอมให้จับเพราะปวดท้อง

การวินิจฉัยโรคตับบิด

ตรวจร่างกาย

คุณหมอจะเริ่มจากดูอาการน้องตอนอยู่ในตะกร้าก่อนว่ามีท่าทางเป็นอย่างไร หน้าตาโอเคหรือเปล่า จากนั้นจะอุ้มน้องออกมาเพื่อตรวจบนโต๊ะตรวจ และคลำตรวจอย่างละเอียดและลึกขึ้น โดยจะเน้นไปทางขวาหน้าที่เป็นตำแหน่งของตับเพื่อคลำลักษณะว่าเริ่มมีความแข็งมากขึ้นหรือยัง และระหว่างคลำตรวจน้องได้แสดงอาการเจ็บปวดออกมาหรือเปล่า

ต่อมาฟังเสียงหัวใจ เสียงปอด และการเคลื่อนที่ของลำไส้ว่ามีการเคลื่อนตัวช้ากว่าปกติหรือเปล่า และตามด้วยการตรวจสีเยื่อเมือกจากบริเวณเหงือกและเยื่อบุตาขาว หากสีเดิมที่เคยชมพูสดใสเริ่มซีดลงและขาว เป็นไปได้ว่าอาจจะมีอาการตับบิด

อาการอื่นๆที่มักจะพบตับบิดจากน้องกระต่ายที่พามา จะพบว่าอ่อนแรง มีภาวะขาดน้ำ อุญหภูมิร่างกายต่ำกว่าปกติหรือบางครั้งแค่ตรวจสุขภาพร่างกายตามปกติก็คลำเจอ

2.ตรวจเลือด

การตรวจนี้จะช่วยให้มองเห็นลึกขึ้นว่าตัวค่าเลือดต่างๆยังอยู่ในเกณฑ์ปกติดีหรือเปล่า โดยเฉพาะค่า AST และ ALT ซึ่งจะบ่งบอกได้ว่าน้องกระต่ายเป็นโรคตับบิดหรือเปล่า ในข้อมูลที่แอนิมอลสเปซเก็บมา เคสที่เจอค่าเลือดสูงสุดอยู่ที่ AST 1297 จากค่าปกติ 98 และ ALT 2626 จากค่าปกติ 109

ในเคสที่มีค่าเม็ดเลือดต่ำกว่าปกติ 15% คุณหมอจะทำการถ่ายเลือดก่อนผ่าตัดหรือระหว่างผ่าตัด ขึ้นอยู่กับแต่ละกรณีไป

ส่วนบ้านไหนที่มาตรวจแล้วค่าเลือดปกติทุกอย่างไม่ต้องเสียดายน้า ถือว่าเป็นการตรวจสุขภาพเก็บไว้เป็นข้อมูลเปรียบเทียบต่อไปแทนค่า

3.เอ็กซเรย์

ที่โรงพยาบาลของเราจะทำการถ่ายฟิล์มจำนวน 2 ท่าด้วยกันคือ ท่านอนหงายและท่านอนตะแคง การดูว่ามีลักษณะตับบิดหรือเปล่าจะสังเกตที่ตัวตับกับซี่โครง มีการขยายตัวของตับเลยออกมาจากซี่โครงเยอะเกินไปหรือเปล่า จากนั้นสังเกตที่ขอบของตับว่ามีลักษณะโค้งมนขึ้นไหม และดูช่องท้องทั้งหมดว่าเกิดแก๊สเยอะแค่ไหนเพื่อรักษาอาการท้องอืดร่วมด้วย

แต่วิธีนี้มักจะมองเห็นว่าเป็นตับบิดได้ไม่ชัดเจนนัก แต่จะสามารถเห็นภาพรวมของช่องท้องได้จึงมักทำในเคสที่ดูมีปัญหาระบบทางเดินอาหารอื่นๆร่วมด้วย

4.อัลตราซาวด์

คุณหมอลูกเกดจะเป็นคุณหมอซาวด์หลักๆของโรงพยาบาล ทุกครั้งที่จะต้องทำการซาวด์ดูอวัยวะภายใน จะขอโกนบริเวณท้องน้องออกสักหน่อย เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนและวินิจฉัยได้แม่นยำ เมื่อเริ่มซาวด์คุณหมอจะใช้หัวโขลกกดลงไปบริเวณท้องส่วนบนเพื่อดูลักษณะตับว่าขอบเนื้อเริ่มมีความกลมมนขึ้นหรือเปล่า สีที่เห็นภายในตับจากปกติที่มีสีเดียวเฉดเท่ากัน มีการผสมกันระหว่างสีขาวและสีดำไหม และสุดท้ายคุณหมอจะใส่ color dropper เพื่อดูเลือดภายในว่ายังมีการเลี้ยงตับเหมือนเดิมหรือเปล่า หากพบว่าไม่มีเลือดเลย หมายความว่าน้องคนนั้นมีโอกาสเป็นตับบิด

Animal Space Exotic Pet Hospital โรงพยาบาลสัตว์แอนิมอลสเปซ รักษาสัตว์ Exotic สัตว์แปลก สัตว์หายาก

กระต่าย (Rabbit)

โรคตับบิดมีสาเหตุจากอะไร สังเกตอย่างไรและแนวทางการรักษาเป็นอย่างไรกันนะ

โรคตับบิดมีสาเหตุจากอะไร สังเกตอย่างไรและแนวทางการรักษาเป็นอย่างไรกันนะ

ที่โรงพยาบาลแอนิมลสเปซมักจะเจอเคสตับบิดในกระต่ายอายุเฉลี่ย 1 ปี เด็กที่สุดที่เป็นตับบิดอยู่ที่ 4 เดือน ส่วนใหญ่มักจะเจอในสายพันธุ์ Hooland lop เนื่องจากอาจจะด้วยความนิยมที่เลี้ยงกันหลายบ้านทำให้เจอพันธุ์นี้เยอะที่สุด

สาเหตุของโรคตับบิดอาจระบุได้อย่างไม่ชัดเจน แต่จากการศึกษาวิจัยและรวบรวมข้อมูลพบว่ามีสาเหตุหลักๆอยู่ 2 อย่างคืออาการท้องอืดและกระเพาะอาหารขยาย

1.อาการท้องอืด มักเจอบ่อยครั้งเนื่องจากการทานอาหารไม่เหมาะสม เช่น การให้ทานผักและผลไม้สดเป็นประจำ ให้อาหารเม็ดในปริมาณมาก หรือขนมที่น้องชอบบ่อยๆ จนทำให้เกิดนิสัยไม่กินหญ้าแห้งขึ้น ส่งผลให้มีอาการท้องอืดขึ้นมา นอกจากอาหารแล้วเรื่องความเครียดก็ส่งผลให้มีอาการท้องอืดได้เช่นกัน

2.กระเพาะอาหารขยาย มักเจอในกระต่ายที่ตะกละ ชอบกินอาหารเยอะมากๆในคราวเดียว กินแปปเดียวก็หมด เมื่อไม่อยากต้องเดินมาเติมหญ้าบ่อยๆ บางบ้านเลยอาจจะมีการวางหญ้าเป็นกองใหญ่เพื่อหวังให้น้องกินได้นานๆ แม้บางตัวจะกินเรื่อยๆ แต่บางตัวก็จะกินไม่หยุดพักจนทำให้กระเพาะขยายใหญ่ขึ้นมาจนเบียดอวัยวะภายในอื่นๆ โดยเฉพาะตับ ทำให้เกิดการบิดตัวกลายเป็นตับบิดนั่นเอง

 

วิธีการสังเกตอาการง่ายๆจากบ้าน

1.ดวงตา

ปกติ – กลมโตสดใส

ปานกลาง – เริ่มหรี่ตาลงแต่ยังสดใสอยู่

มาก – ตาหรี่มากๆ จนกลายเป็นเส้นขีด

2.แก้ม

ปกติ – ทรงกลม

ปานกลาง – ค่อยๆแหลมขึ้น

มาก – หน้าแหลมจนไม่เห็นแก้ม

3.จมูก

ปกติ -เป็นตัวยู

ปานกลาง – ค่อยๆหุบเข้ามา

มาก – กลายเป็นรูปตัววี

4.หนวด

ปกติ – หนวดตั้งตรง

ปานกลาง – มีบางส่วนที่หย่อน

มาก – หนวดหย่อนลง หงิก

5.หู

ปกติ – หูตั้งตรง

ปานกลาง – หูเริ่มเอียงไปด้านหลัง

มาก – หูลู่ไปด้านหลัง

ถ้ายังดูหน้าตาน้องไม่ค่อยออกเพราะอาจจะเก็บอาการ สามารถดูวิธีอื่นๆได้ คือ อึผิดปกติ ขนาดเล็ก ขนาดไม่เท่ากัน หรือไม่อึ มีนั่งกกไข่ กินหญ้าน้อยลงหรือให้ขนมที่ชอบก็ไม่กิน เริ่มซ่อนตัว บางตัวไม่ยอมให้จับเพราะปวดท้อง

การวินิจฉัยโรคตับบิด

ตรวจร่างกาย

คุณหมอจะเริ่มจากดูอาการน้องตอนอยู่ในตะกร้าก่อนว่ามีท่าทางเป็นอย่างไร หน้าตาโอเคหรือเปล่า จากนั้นจะอุ้มน้องออกมาเพื่อตรวจบนโต๊ะตรวจ และคลำตรวจอย่างละเอียดและลึกขึ้น โดยจะเน้นไปทางขวาหน้าที่เป็นตำแหน่งของตับเพื่อคลำลักษณะว่าเริ่มมีความแข็งมากขึ้นหรือยัง และระหว่างคลำตรวจน้องได้แสดงอาการเจ็บปวดออกมาหรือเปล่า

ต่อมาฟังเสียงหัวใจ เสียงปอด และการเคลื่อนที่ของลำไส้ว่ามีการเคลื่อนตัวช้ากว่าปกติหรือเปล่า และตามด้วยการตรวจสีเยื่อเมือกจากบริเวณเหงือกและเยื่อบุตาขาว หากสีเดิมที่เคยชมพูสดใสเริ่มซีดลงและขาว เป็นไปได้ว่าอาจจะมีอาการตับบิด

อาการอื่นๆที่มักจะพบตับบิดจากน้องกระต่ายที่พามา จะพบว่าอ่อนแรง มีภาวะขาดน้ำ อุญหภูมิร่างกายต่ำกว่าปกติหรือบางครั้งแค่ตรวจสุขภาพร่างกายตามปกติก็คลำเจอ

2.ตรวจเลือด

การตรวจนี้จะช่วยให้มองเห็นลึกขึ้นว่าตัวค่าเลือดต่างๆยังอยู่ในเกณฑ์ปกติดีหรือเปล่า โดยเฉพาะค่า AST และ ALT ซึ่งจะบ่งบอกได้ว่าน้องกระต่ายเป็นโรคตับบิดหรือเปล่า ในข้อมูลที่แอนิมอลสเปซเก็บมา เคสที่เจอค่าเลือดสูงสุดอยู่ที่ AST 1297 จากค่าปกติ 98 และ ALT 2626 จากค่าปกติ 109

ในเคสที่มีค่าเม็ดเลือดต่ำกว่าปกติ 15% คุณหมอจะทำการถ่ายเลือดก่อนผ่าตัดหรือระหว่างผ่าตัด ขึ้นอยู่กับแต่ละกรณีไป

ส่วนบ้านไหนที่มาตรวจแล้วค่าเลือดปกติทุกอย่างไม่ต้องเสียดายน้า ถือว่าเป็นการตรวจสุขภาพเก็บไว้เป็นข้อมูลเปรียบเทียบต่อไปแทนค่า

การวินิจฉัยโรคตับบิด

เอ็กซเรย์

ที่โรงพยาบาลของเราจะทำการถ่ายฟิล์มจำนวน 2 ท่าด้วยกันคือ ท่านอนหงายและท่านอนตะแคง การดูว่ามีลักษณะตับบิดหรือเปล่าจะสังเกตที่ตัวตับกับซี่โครง มีการขยายตัวของตับเลยออกมาจากซี่โครงเยอะเกินไปหรือเปล่า จากนั้นสังเกตที่ขอบของตับว่ามีลักษณะโค้งมนขึ้นไหม และดูช่องท้องทั้งหมดว่าเกิดแก๊สเยอะแค่ไหนเพื่อรักษาอาการท้องอืดร่วมด้วย

แต่วิธีนี้มักจะมองเห็นว่าเป็นตับบิดได้ไม่ชัดเจนนัก แต่จะสามารถเห็นภาพรวมของช่องท้องได้จึงมักทำในเคสที่ดูมีปัญหาระบบทางเดินอาหารอื่นๆร่วมด้วย

4.อัลตราซาวด์

คุณหมอลูกเกดจะเป็นคุณหมอซาวด์หลักๆของโรงพยาบาล ทุกครั้งที่จะต้องทำการซาวด์ดูอวัยวะภายใน จะขอโกนบริเวณท้องน้องออกสักหน่อย เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนและวินิจฉัยได้แม่นยำ เมื่อเริ่มซาวด์คุณหมอจะใช้หัวโขลกกดลงไปบริเวณท้องส่วนบนเพื่อดูลักษณะตับว่าขอบเนื้อเริ่มมีความกลมมนขึ้นหรือเปล่า สีที่เห็นภายในตับจากปกติที่มีสีเดียวเฉดเท่ากัน มีการผสมกันระหว่างสีขาวและสีดำไหม และสุดท้ายคุณหมอจะใส่ color dropper เพื่อดูเลือดภายในว่ายังมีการเลี้ยงตับเหมือนเดิมหรือเปล่า หากพบว่าไม่มีเลือดเลย หมายความว่าน้องคนนั้นมีโอกาสเป็นตับบิด

วิธีการอาจจะไม่ได้ยาก แต่ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงเนื่องจากทางแอนิมอลสเปซจะใช้วิธีการรักษาแบบ supportive และการผ่าตัดพร้อมๆกัน

ก่อนเข้ารับการผ่าตัดหากตัวน้องอาการไม่ดีจะใช้อุปกรณ์และยาในการ supportive ค่อนข้างเยอะ ไม่ว่าจะเป็นการให้ยาลดปวด ให้น้ำเกลือทางเส้นเลือด เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเข้ารับการผ่าตัด แน่นอนว่าแค่วิธีนี้เพียงอย่างเดียวทำให้โอกาสที่น้องจะหายดีและรอดชีวิตมีค่อนข้างน้อยกว่า 50% เพราะเนื้อตับที่เสียหายไปแล้วยังคงอยู่ภายในร่างกาย หลังจากประคองอาการน้องให้คงที่แล้วคุณหมอจะทำการผ่าตัดฉุกเฉินทันที ด้วยการดมยาสลบซึ่งเป็นยาชนิดปลอดภัย

สินค้าและข่าวสารล่าสุด
สายพันธุ์ เนเธอร์แลนด์ ดวอร์ฟ (Netherland Dwarf)

ND577 สายพันธุ์ เนเธอร์แลนด์ ดวอร์ฟ (Netherland Dwarf)

รหัสสินค้า :ND577 ชื่อสินค้า : สายพันธุ์ เนเธอร์แลนด์ ดวอร์ฟ (Netherland Dwarf) เพศ : เด็กชาย สี : Broken Orange ช่วงอายุ : 45-60วัน รายละเอียด สายพันธุ์ เนเธอร์แลนด์ ดวอร์ฟ (Netherland Dwarf) ราคา  ติดต่อสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางไลน์ Line id : fongbeer-8244 , Line Ao : @895kpmds

อ่านเพิ่มเติม >
สายพันธุ์ ฮอลแลนด์ลอป (Holland lop)

HL3066 สายพันธุ์ ฮอลแลนด์ลอป (Holland lop)

รหัสสินค้า :HL3066 ชื่อสินค้า : สายพันธุ์ ฮอลแลนด์ลอป (Holland lop) เพศ : เด็กหญิง สี : Chinchilla Black ช่วงอายุ : 45-60วัน รายละเอียด สายพันธุ์ ฮอลแลนด์ลอป (Holland lop) ราคา  ติดต่อสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางไลน์ Line id : fongbeer-8244 , Line Ao : @895kpmds

อ่านเพิ่มเติม >
สายพันธุ์ ฮอลแลนด์ลอป (Holland lop)

HL3065 สายพันธุ์ ฮอลแลนด์ลอป (Holland lop)

รหัสสินค้า :HL3065 ชื่อสินค้า : สายพันธุ์ ฮอลแลนด์ลอป (Holland lop) เพศ : เด็กหญิง สี : Chocolate Tort ช่วงอายุ : 45-60วัน รายละเอียด สายพันธุ์ ฮอลแลนด์ลอป (Holland lop) ราคา  ติดต่อสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางไลน์ Line id : fongbeer-8244 , Line Ao : @895kpmds

อ่านเพิ่มเติม >